PRP คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง มีขั้นตอนการทำอย่างไร
PRP คืออะไร ? PRP (Platelet Rich Plasma) คือส่วนหนึ่งของเลือดที่มาจากการปั่นแยกเลือดด้วยความเร็วสูงในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งอุดมไปด้วยเกล็ดเลือด (Platelet) โปรตีน และเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดเข้มข้น ขั้นตอนการเก็บ PRP จากเลือดจะใช้หลอด (Tube) พิเศษ สำหรับการเก็บโดยเฉพาะ ทำให้ได้เกล็ดเลือดที่เข้มข้นถึง 9 เท่าเมื่อเทียบกับหลอดทดลองทั่ว ๆ ไป และเมื่อได้สเต็มเซลล์จากเกล็ดเลือดมาแล้วจะนำมาใช้ฉีดบริเวณที่ต้องการบำรุง
PRP ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง ? PRP อุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยในการฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ผิวหนัง ไม่ว่าจะปัญหาผิวในระดับน้อยหรือมากก็สามารถทำได้ ซึ่งการทำ PRP จะช่วยในเรื่องต่อไปนี้
- ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น
- ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยดำ รอยสิว รอยแผลเป็น หลุมสิว
- ช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้า
- ช่วยให้ผิวหน้าเนียนกระจ่างใสกลับมามีสุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ขึ้นแต่งหน้าติดทนนาน
- เป็นการช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก เห็นผลในเวลาที่ค่อนข้างเร็วถ้าเทียบกับการบำรุงผิวด้วยวิธีอื่นอย่าง การทาครีม
เกล็ดเลือดที่ได้จาก PRP มีประโยชน์อย่างไร โดยเกล็ดเลือดที่ได้จากการทำ PRP จะมีหน้าที่ในการรักษาเนื้อเยื่อ และซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ ซึ่งเต็มไปด้วยโมเลกุล Growth Factor โดยจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสเต็มเซลล์เพื่อซ่อมแซมผิวหนัง รวมถึงลดเม็ดสีทำให้ผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
- ฟื้นฟูสภาพผิวที่เสื่อมสภาพได้อย่างล้ำลึก
- ช่วยรักษาปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและครอบคลุม
- เป็นสารที่ได้จากเลือดของตัวเองไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และไม่มีผลข้างเคียง
- เป็นการนำเลือดของตัวเองมาใช้ ทำให้ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือแพ้จากการฉีด มีเพียงอาการบวมแดงระเรื่อเพียงเล็กน้อยหลังการทำ และจะหายได้เองภายในไม่กี่วันหลังทำ
- ได้ผลลัพธ์ที่ดี ใช้เวลาในการทำไม่นาน
แตกต่างจากการฟื้นฟูผิวด้วยวิธีอื่นอย่างไร ? การทำ PRP หน้าใส เป็นการบำรุงผิวด้วยเลือดของตัวเองซึ่งเป็นวิธีการฟื้นฟูผิวที่ปลอดภัย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้เกิดการฟื้นฟูผิวหน้าทั้งหมด โดย PRP สามารถทำควบคู่กับการบำรุงผิวหรือหัตถการอื่น ๆ ได้ ซึ่งจะช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้มีสุขภาพดี เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
PRP อันตรายไหม ? เนื่องจากเป็นการสกัดจากเกล็ดเลือดของตัวเราฉีดเข้าสู่ผิวของเราเอง ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้เกิดขึ้นได้น้อยมาก และมีความปลอดภัยสูง แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยหลังการฉีดอย่างปวดบริเวณที่ฉีด หรือมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย สามารถหายได้เองภายในระยะเวลาประมาณ 2-3 วัน
PRP เหมาะกับใคร ใครบ้างที่ไม่ควรทำ การทำ PRP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย
- ผู้ที่มีปัญหามีรอยดำ
- ผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็น รอยสิว หลุมสิว
- มีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง
- มีผิวหน้าที่แห้งกร้าน
- ต้องการบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ
การทำ PRP ไม่เหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
- ผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างการใช้ยาต้านภาวะแข็งตัวของเลือด ยาสลายลิ่มเลือด
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนัง หรือเป็นโรคทางผิวหนังอื่นๆ
- ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ โลหิตจางขั้นรุนแรง
- มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อรุนแรง
ขั้นตอนการทำ PRP ขั้นตอนการทำ PRP จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งขั้นตอนการทำ PRP จะอยู่ในการดูแลรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนดังต่อไปนี้
- แพทย์ทำการประเมินใบหน้า เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและประเมินวิธีการรักษา
- ทำการเช็ดยาชาบนใบหน้า
- เจาะเลือดจากข้อพับประมาณ 15-20 cc.
- นำเลือดใส่ในหลอดพิเศษ นำไปปั่นที่เครื่อง Centrifuge เพื่อทำการสกัดให้ได้เกล็ดเลือดที่เข้มข้นและสมบูรณ์ที่สุด เพื่อนำกลับมาฉีดเข้าบริเวณผิวหน้า
ทำ PRP ไปแล้วกี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม ? หลังทำจะสามารถสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยจะค่อย ๆ สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวไปเรื่อย ๆ และจะเห็นผลได้ชัดเจนภายในประมาณ 3 เดือน ควรฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยมีระยะห่าง 4-6 สัปดาห์เพื่อให้ได้การรักษาที่มีประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หลังจากการทำอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตนเองของแต่ละคน
การเตรียมตัวก่อนทำ
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ ประมาณ 1-2 ลิตร ก่อนทำ 2-3 วัน
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 วัน
- งดอาหารไขมันสูง ของทอด อาหารมัน ก่อนมาทำอย่างน้อย1 วัน
- ควรนอนพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนมาทำ
- เตรียมเวลาสำหรับการทำหัตถการประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง
การดูแลหลังทำ
- งดล้างหน้าหลังทำเสร็จประมาณ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้สเต็มเซลล์เคลือบผิวไว้
- ควรทาครีมบำรุงที่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้น และครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอในช่วงที่ผิวแดง และลอก
- หลังทำจะมีจ้ำแดง ๆ บนใบหน้า 2-3 วัน จากนั้นผิวจะลอกประมาณ 1 สัปดาห์เป็นเรื่องปกติ ไม่ควรไปถู หรือแกะผิวที่ลอกออก
- งดการทาครีมกลุ่มที่เป็นผลัดเซลล์ผิว ให้ความขาว งดแต่งหน้า
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องโดนแดดหนัก 1-2 สัปดาห์
PRP เป็นเทคโนโลยีการรักษาแบบใหม่ที่มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าต่างๆ โดยใช้สเต็มเซลล์ และ Growth factor ในเกล็ดเลือดที่มีอยู่ในร่างกายของเรา ฉีดเข้าสู่ผิวเพื่อซ่อมแซมเซลล์ผิว กระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อ และคอลลาเจน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าต่างๆ เช่น รอยดำรอยแดง หลุมสิว มีผิวหน้าแห้งกร้าน หรือผู้ที่ต้องการบำรุงผิวให้มีสุขภาพดี และการทำ PRP มีความปลอดภัยเนื่องจากเป็นการใช้เกล็ดเลือดของตัวเราเอง แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สนันสนุนข้อมูลโดย : ศูนย์สุขภาพผิว
คลิก > โปรแกรมเพื่อสุขภาพผิวและความงาม