โรคพิษสุนัขบ้า เสียชีวิตเกือบทุกราย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลาง พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และยังติดต่อมาสู่มนุษย์ พาหะนำโรคที่สำคัญที่สุด คือ สุนัข 95 % รองลงมาคือแมว 4 % สัตว์เลี้ยงพวกโค กระบือ สุกร ม้า และสัตว์ป่าที่เลี้ยงลูกด้วยนมราว 1 %

 

โรคนี้เกิดจากเชื้อ Rabies virus ซึ่งเป็น RNA virus การติดเชื้อที่สำคัญคือการถูกสัตว์กัด ข่วน เลีย หรือน้ำลายสัตว์กระเด็นเข้าแผลรอยขีดข่วน เยื่อบุตา จมูก ปาก นอกจากนี้การชำแหละซากสัตว์หรือรับประทานผลิตภัณฑ์ดิบจากสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าก็สามารถติดโรคได้เช่นกัน

 

อาการของโรคพิษสุนัขบ้า

 

หลังได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าผู้ป่วยจะแสดงอาการโดยเฉลี่ยประมาณ 3 สัปดาห์ - 3 เดือนในบางรายอาจใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีอาการก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับตำแหน่งที่ถูกกัด ขนาด จำนวน และความลึกของบาดแผล รวมถึงภูมิต้านทานของคนที่ถูกสัตว์กัด ผู้ป่วยจะมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้าเป็น 3 ระยะ ดังนี้

 

ระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยจะมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น ไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน กระวนกระวาย นอนไม่หลับ ในบางรายอาจมีอาการ เจ็บ คล้ายเข็มทิ่ม หรือคันบริเวณที่ถูกกัด ซึ่งเป็นลักษณะที่จำเพาะของโรคระยะนี้มีเวลาประมาณ 2-10  วัน

 

ระยะที่มีอาการทางสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการสับสน วุ่นวาย กระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง กลืนลำบาก  รวมถึงกลัวน้ำ อาการจะเป็นมากขึ้นหากมีเสียงดัง หรือถูกสัมผัสเนื้อตัว จากนั้นผู้ป่วยอาจมีอาการชัก และเป็นอัมพาต ระยะนี้มีอาการประมาณ 2-7  วัน

 

ระยะท้าย ผู้ป่วยอาจมีภาวะหายใจล้มเหลว หัวใจหยุดเต้น โคม่า และเสียชีวิตในเวลาอันสั้น

 

การปฏิบัติตัวเมื่อถูกสัตว์กัด

 

ล้างแผลให้เร็วที่สุดด้วยสบู่ และน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้งนานอย่างน้อย 15 นาที ล้างทุกแผล และล้างให้ลึกถึงก้นแผล  ใช้ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีนบริเวณแผล สังเกตอาการสัตว์ที่กัด รวมทั้งสืบหาเจ้าของ เพื่อสอบถามประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า สังเกตอาการสัตว์ที่กัดเป็นเวลา 7 วันถ้าสบายดีไม่น่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า แต่ถ้าสุนัขตายให้นําซากไปตรวจ

 

พบแพทย์พร้อมนำสมุดวัคซีนหรือประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และบาดทะยักไปด้วย ถ้ามีความเสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้า แพทย์จะให้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และยาฆ่าเชื้อ ในกรณีที่มีโอกาสติดโรคพิษสุนัขบ้าสูง หรือแผลอยู่ในตำแหน่งใกล้ศีรษะ แพทย์จะพิจารณาให้อิมมูโนโกลบุลิน ซึ่งมีภูมิต้านทานโรคพิษสุนัขบ้าร่วมด้วย โดยวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจะฉีดประมาณ 3-5 ครั้ง วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามีประสิทธิภาพสูงหากไปรับการฉีดตรงตามแพทย์นัดทุกครั้ง

 

การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

 

เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่ไม่มียาที่ใช้ในการรักษา และถ้าติดเชื้อจะเสียชีวิตเกือบทุกราย ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยมีแนวทางในการป้องกันดังนี้

 

  • พาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าตามกำหนดทุกปี

  • ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงไปในที่สาธารณะ

  • หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสัตว์กัดโดยไม่แหย่ หรือรังแกให้สัตว์โมโห รวมทั้งไม่ยุ่งหรือเข้าใกล้สัตว์ที่ไม่รู้จักหรือไม่มีเจ้าของ

  • ถ้าโดนสัตว์กัดหรือมีแผลรีบล้างแผลแล้วไปพบแพทย์เพื่อดูแลให้ถูกต้องต่อไป

 

สนับสนุนข้อมูลโดย : นพ.ปรเมศวร์ วงศ์ประเสริฐ

แพทย์เฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด

 

คลิก > วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 2 เข็ม