ทาน ช็อกโกแลต อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ สังเกตได้บนฉลาก

“ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) เป็น ช็อคโกแลตที่ดีที่สุด...เหมาะจะให้มอบให้คนที่เรารักในวันวาเลนไทน์”

 

ดาร์กช็อกโกแลต  ผลิตจากเมล็ดโกโก้เช่นเดียวกับช็อกโกแลตประเภทอื่น แต่ต่างกันตรงที่มีสัดส่วนของปริมาณโกโก้ที่สูงกว่า

 

  • ดาร์กช็อกโกแลต 50%: มีรสชาติหวาน ออกขมนิด ๆ เป็นดาร์กช็อกโกแลตที่กินง่ายที่สุด

  • ดาร์กช็อกโกแลต 70%: มีรสชาติขมขึ้นมาเล็กน้อย ออกหวานนิด ๆ และมีรสขมอมเปรี้ยวแบบเฝื่อน ๆ

  • ดาร์กช็อกโกแลต 80%: รสชาติขม นิยมเอาไปทำขนม อาหาร หรือใส่ในเครื่องดื่มมากกว่า

  • ดาร์กช็อกโกแลต 90%: รสชาติขมมาก และมีรสเปรี้ยวที่ติดปาก

 

ประโยชน์ของ…ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate)

 

1. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดการอักเสบ ลดการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งหลายการศึกษาพบว่าสารฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอลในดาร์กช็อกโกแลต มีส่วนช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลตัวที่ไม่ดีหรือ LDL และเพิ่มคอเลสเตอรอลตัวดีอย่าง HDL ในเลือดได้ ซึ่งช่วยลดการอักเสบและการก่อตัวของลิ่มเลือด

 

2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง สารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลต มีฤทธิ์ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้ออกซิเจน และเลือดลำเลียงไปสู่สมองได้ดี ทำให้เราจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นไปด้วย

 

3. ช่วยให้อารมณ์ดี ไม่หงุดหงิด และลดความเครียดลงได้ ในดาร์กช็อกโกแลตมีสารที่ช่วยกระตุ้นการผลิตเอ็นโดรฟิน และเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทช่วยบรรเทาความเครียด และอาการซึมเศร้าลงได้ มีงานวิจัยที่ทดลองให้กลุ่มตัวอย่างกินดาร์กช็อกโกแลต 40 กรัม ทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่า ฮอร์โมนความเครียดลดระดับลงมากจากวันแรกที่เริ่มกิน

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าดาร์กช็อกโกแลตจะมีประโยชน์กับร่างกายเหมาะกับการให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ แต่หากทานในปริมาณที่มากเกินไปก็จะได้รับน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูง ซึ่งส่งผลเสียกับร่างกาย จึงควรทานในปริมาณที่เหมาะสม คือ 25–35 กรัมต่อวัน และควรเลือกช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของโกโก้อย่างน้อย 70% ขึ้นไป เนื่องจากจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลน้อย และมีสารฟลาโวนอยด์สูง