กระจกสะท้อน : EP 2 กระจกล่องหน ? กระจกส่องใจ

บทความนี้ต่อเนื่องมาจาก เรื่องกระจกสะท้อนจากความสัมพันธ์ที่ดี 3 บาน ในบทความก่อน ซึ่งครั้งนี้จะขยายความกระจกบานสุดท้าย คือ กระจกล่องหน หรือ กระจกสะท้อนจากความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง ซึ่งกระจกบานนี้จับต้องยากที่สุด ไม่มีรูปธรรมให้เรามองเห็น แต่เป็นกระจกที่สำคัญ มั่นคงและดีที่สุดของทุกคน

 

ธรรมชาติได้ให้วัตถุดิบในการหล่อหลอมเม็ดทรายเพื่อสร้างกระจกบานนี้มากับมนุษย์ทุกคนแล้ว แต่ธรรมชาติให้เราค่อยๆ มาเรียนรู้วิธีสร้างกระจกด้วยศักยภาพของเราเอง และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กระจกของแต่ะคน มีความแข็งแรงทนทาน ความกระจ่างชัด ต่างกัน

 

วัตถุดิบนั้นก็คือต้นไม้เม็ดทราย ชื่ออาจจะดูประหลาด แต่มันก็เหมือนกับต้นไม้ทั่วๆ ไป มันมีราก มันเจริญเติบโต แต่มันออกผลเป็นเม็ดทราย ซึ่งสามารถนำมาหลอมรวมเพื่อทำกระจกได้ และที่น่าสงสัยก็คือ ทำไมต้นไม้ต้นนี้ไม่ค่อยให้ผลเม็ดทราย คำตอบก็เฉกเช่นเดียวกับการปลูกต้นไม้ ที่เราต้องคำนึงถึงทั้งปัจจัยภายนอก คือสิ่งแวดล้อม เช่น ลมฟ้าอากาศ ศัตรูพืช และสิ่งสำคัญที่สุดคือปัจจัยภายในที่เป็นหัวใจของต้นไม้คือระบบรากที่อยู่ใต้ดิน หากเปรียบกับปัจจัยภายในของมนุษย์เราก็เช่นกัน ถ้าเราฝึกตระหนักถึงรากหรือโลกภายในหรือจิตใจ ให้พอดีกับการคำนึงถึงปัจจัยกระตุ้นจากภายนอก เราก็จะดูแลต้นไม้ของเราให้เติบโตมั่นคงออกผลได้ดีเช่นกัน

 

เมื่อเราทราบแล้วว่าราก / โลกภายใน / จิตใจ เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมาก ต่อมาเราควรสำรวจและคำนึงว่าบางส่วนของรากอาจจะมีความไม่สมบูรณ์หรือรอยแผลบางอย่างเกิดขึ้น แม้เราอาจจะไม่ได้รู้สึกดีนักที่ต้องรับรู้มองเห็น เพราะโดยปกติแล้วเรามักจะไม่ชอบไม่อยากเห็น แต่การมองข้ามก็ทำให้รากและต้นไม้ของเราไม่เจริญเติบโต การที่เรายอมรับว่ารากมีบาดแผลความไม่สมบูรณ์ ทำให้เราตระหนักว่าเราควรดูแลรักษาซ่อมแซม โดยไม่จำเป็นต้องตัดเฉือนหรือทำลายส่วนนั้นทิ้งแต่เราสามารถเติมอาหารบำรุงและให้ยารักษา จนรากสามารถจะเติบโตต่อไปได้ 

 

อาหารบำรุง แบ่งเป็นสองชนิด คือ อาหารใจและอาหารกาย

 

  • อาหารใจ

อาหารที่ดีอาจจะไม่อร่อยมาก แต่เรารู้ว่าหากทานแล้วมีประโยชน์เราก็สบายใจ ซึ่งก็พอจะเป็นรสชาติแห่งความสุขที่ไปทดแทนความอร่อยได้ ชีวิตก็เช่นกันมีทั้งช่วงที่อร่อยและไม่อร่อย แต่หากเราเห็นประโยชน์เรียนรู้บทเรียนจากมัน เราจะได้ทานอาหารชีวิตที่ให้รสชาติรวมๆ อร่อยและมีประโยชน์ การเรียนรู้นั้นคือ การมองรีวิวชีวิตเป็นลำดับเรื่องราว คล้ายๆ กับการดูละครภาพยนตร์ แม้จะมีบางตอนที่แย่ แต่ก็ทำให้รสชาติครบรสและสอนอะไรบางอย่างกับเรา แน่นอนว่าชีวิตนั้นยากกว่าละครที่เราดูด้วยตารับรู้สิ่งภายนอก เพราะชีวิตจิตใจของเราเป็นสิ่งภายใน เราต้องใช้ความละเอียดอ่อนอย่างมากในการตระหนักรับรู้ เช่น บางครั้งเราอาจจะไม่ได้บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ทั้งหมด

แต่ภาพรวมในรายละเอียดเราก็มีความพยายามความตั้งใจความมุ่งมั่นที่น่าชื่นชม หรือบางครั้งเรารู้สึกโกรธและอาจจะแสดงความโกรธออกไป เราไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนั้น แต่อย่างน้อยเราก็น่าชื่นชมที่รู้ว่าโกรธ และแท้จริงเรามีความตั้งใจที่ดีอยากจะปรับปรุงพัฒนาเรื่องการจัดการดูแลความโกรธ เพราะส่วนใหญ่มนุษย์มักจะมองออกไปนอกตัวอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่มีความคาดหวังจะแก้ไขคนอื่นก่อนอยู่บ่อยครั้ง สรุปรวมคือการยอมรับและชื่นชมตนเองเป็นอาหารใจที่สำคัญ อาจจะไม่เคยชินนักสำหรับใครหลายคน แต่เรามีศักยภาพในการพัฒนาฝึกฝน ไม่ว่าจะโดยการฝึกคิดหรือเขียนก็จะยิ่งช่วยให้ทักษะการยอมรับชื่นชมตนเองชัดเจนยิ่งขึ้นได้

 

  • อาหารกาย

กายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดการกระทำ กายมีความสัมพันธ์กับจิตใจ เช่นหากเราสุขภาพแข็งแรงเราก็สบายใจ ดังนั้นการดูแลกายโดยการกระทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์ให้กับชีวิต ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง sense of self control ซึ่งเป็นพลังงานชีวิตที่มีอิทธิพลอย่างมาก เราจะรู้สึกประสบความสำเร็จภาคภูมิใจในตนเอง การฝึกนั้นไม่จำเป็นต้องทำเรื่องยิ่งใหญ่ แต่อาจเป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆ ในชีวิต เช่น การเข้านอน ตื่นนอนได้ตามเวลาที่เหมาะสม การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายตามความพอดีเมื่อเรามีความรู้สึกดีต่อตนเองเกิดขึ้น โอกาสที่เราจะทำพฤติกรรมที่ดีได้มีประสิทธภาพและต่อเนื่องก็ยิ่งมีมากขึ้นเช่นกัน

 

ยารักษา

ในทุกการรักษา อย่างแรกที่จำเป็นต้องทราบคือ รักษาอะไร ปัญหาคืออะไร การรักษาก็คือการจัดการคลี่คลายปัญหา โดยที่เราต้องมีความเชื่อในศักยภาพแห่งการพัฒนาเติบโตของมนุษย์ ซึ่งแน่นอนต้องใช้เวลา แต่หลายครั้งมนุษย์ก็เผลอคาดหวังจนเกินความพอดีเกินความสามารถในปัจจุบันจนลืมมองเห็นศักยภาพในการพัฒนาเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่น หากปัญหาคือเราอยากจะปีนไปบนยอดเขา โดยการก้าวแค่ก้าวเดียว ทั้งๆ ที่ตอนนี้เรายืนอยู่บนพื้นดิน มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ คงเหนื่อยใจเหนื่อยกาย คิดว่าไม่ไปดีกว่า

แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนเป้าหมายระยะไกล มาเป็นระยะย่อย แล้วค่อยๆ เดินไป ระหว่างเดินเราก็จะรู้สึกประสบความสำเร็จย่อยๆ ได้อยู่เรื่อยๆ หรือกระทั่งอาจจะมีโอกาสได้รับพลังกายพลังใจดีๆ ระหว่างทาง จากสิ่งแวดล้อมธรรมชาติหรือเพื่อนร่วมทางได้เช่นกันและในทุกๆ ก้าวย่อยของเราจะช่วยเพิ่มความเชื่อในศักยภาพแห่งการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

เราสามารถเดินไปตามแผนที่ที่เราเขียนบนพื้นฐานการประเมินระยะก้าวของตนตามความสามารถที่เป็นจริงด้วยความรู้สึกภูมิใจและความหวังที่จะพัฒนาตน และหากผิดแผนไปบ้าง อย่าลืมเติมอาหารให้ตนเอง แล้วค่อยมาทบทวนเรียนรู้ส่วนที่ควรปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอ

 

เมื่อต้นเม็ดทรายเติบโตตามเหตุปัจจัยที่เราสร้างอย่างเหมาะสม เราก็มีวัตถุดิบคือเม็ดทรายอยู่เรื่อยๆ ที่จะค่อยๆ นำมาหลอมรวมเป็นกระจกล่องหนของตัวเอง ใช้ส่องให้เห็นความเมตตา/รัก (เข้าใจ รับรู้ ยอมรับ เรียนรู้ เติบโต) ต่อตนเอง ซึ่งจะหล่อเลี้ยงต้นเม็ดทรายของเราต่อด้วยเช่นกันเหมือนกับระบบนิเวศน์ที่ไหลเวียนภายในใจ อีกทั้งต่อไปเราก็จะมีและสามารถใช้กระจกล่องหนบานนี้ ช่วยส่องสะท้อนความเมตตา/รัก (เข้าใจ รับรู้ ยอมรับ เรียนรู้ เติบโต) ต่อผู้อื่นได้เช่นกัน

 

สนับสนุนข้อมูลโดย : พญ.เต็มหทัย นาคเทวัญ   

แพทย์เฉพาะทางด้านจิตเวชศาสตร์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพจิต

 

คลิก > ปรึกษาหรือนัดหมายพญ.เต็มหทัย นาคเทวัญ