โรคต่อมลูกหมากโต (BPH: Benign Prostate Hyperplasia)

โรคต่อมลูกหมาก พบได้บ่อยใน 3 โรคที่ชายไทยเป็นมาก อันดับ 1 คือ โรคต่อมลูกหมากโต พบมากถึง 80% รองลงมาคือ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และโรคต่อมลูกหมากอักเสบ ตามลำดับ ยิ่งอายุมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ค่อยๆ ลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ  โดยเฉพาะอาการเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม เช่น กลั้นปัสสาวะไม่อยู่, หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ไปจนถึงโรคที่ส่งผลกระทบต่อต่อมลูกหมาก เช่น ต่อมลูกหมากโต และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น

โรคต่อมลูกหมากโต (BPH) พบได้ในผู้ชายตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป ยิ่งสูงอายุก็จะพบมากขึ้น โดยเฉพาะคนวัย 60-80 ปี เป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายลดลง ความผิดปกติของต่อมลูกหมากมากขึ้น เนื่องจากต่อมลูกหมากจะค่อย ๆ โตขึ้นตามอายุที่มากขึ้น  แต่ในบางรายที่มีอาการผิดปกติ แต่ขนาดต่อมลูกหมากไม่โตมาก เรียกว่า การผิดปกติของทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (LUTS: Lower Urinary Tract Symptoms) จะไม่เรียกว่า โรคต่อมลูกหมากโต (BPH: Benign Prostate Hyperplasia)

 

อาการโรคต่อมลูกหมากโต เมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้นก็จะบีบท่อปัสสาวะทำให้เกิดความผิดปกติ แต่ในบางรายอาจไม่มีอาการเตือนใด ๆ เลย อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

 

  • การระคายเคือง ปัสสาวะขัด ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น
     
  • ปวดปัสสาวะบ่อย ในช่วงกลางคืน
     
  • กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือต้องเบ่งปัสสาวะจนกว่าจะออก
     
  • ปัสสาวะไม่พุ่ง สะดุดเป็นช่วง ๆ หรือปัสสาวะเสร็จแล้ว แต่ยังรู้สึกปัสสาวะไม่สุด
     
  • ปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลัน และมีอาการปวดปัสสาวะอย่างรุนแรง

 

การตรวจวินิจฉัยต่อมลูกหมากโต
 

  • แพทย์จะใช้วิธีการซักประวัติเพื่อตรวจสอบอาการและหาสาเหตุเบื้องต้น
     
  • การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ
     
  • ตรวจวัดความแรงของปัสสาวะ (Uroflow)
     
  • การตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อดูขนาดของต่อมลูกหมาก
     
  • การตรวจคลำต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนัก เพื่อดูลักษณะความผิดปกติ

 

 

การรักษาโรคต่อมลูกหมากโต

 

1. การรักษาด้วยยา ที่ช่วยคลายการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อต่อมลูกหมาก เรียกว่า ยาต้านระบบประสาทอัลฟ่า ยาที่ช่วยยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งมีผลต่อขนาดของต่อมลูกหมาก เรียกว่า กลุ่มยาต้านฮอร์โมนดีเอชที และกลุ่มยาที่สกัดสมุนไพรร่วมด้วย เรียกว่า ซอว์พาลเมตโต (Saw Palmetto) โดยแพทย์จะให้การรักษาตามอาการเป็นหลัก

 

2. การผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ ในกรณีที่อาการรุนแรงกินยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ปัสสาวะไม่ออกจนต้องใส่สายสวน

 

  • การผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ เรียกว่า TURP (Transurethral Resection of the Prostate) เป็นวิธีการผ่าตัดมาตรฐาน โดยการตัดหรือขูดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากออก
     
  • การผ่าตัดขูดต่อมลูกหมากโตผ่านกล้องส่องทางท่อปัสสาวะ เรียกว่า TURPV (Transurethral Resection – Vaporized of the Prostate) หรือ Plasma Kinetic (PK) เป็นการใช้เครื่องตัดและจี้ด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยในการเก็บรักษาเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ส่วนที่ถูกตัด ไม่ให้ไหม้เกรียมมากเกินไป มีระบบช่วยระเหิดเนื้อเยื่อไปด้วยคล้ายคลึงกับการใช้แสงเลเซอร์

 

3. การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ ปัจจุบันมีหลายเทคนิคในการผ่าตัดรักษา มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เสียเลือดน้อยลง และพักฟื้นได้อย่างรวดเร็วขึ้น ได้แก่

 

  • การผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ PVP (Green Light PVP : Photo – Selective Vaporization of Prostate) ที่ใช้หลักการรุกล้ำน้อยที่สุด คล้ายการส่องกล้อง แต่เป็นการขูดต่อมลูกหมากด้วยการใช้เลเซอร์ ในตำแหน่งที่มีภาวะอุดกั้นในต่อมลูกหมาก
     
  • การผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ Thulium (Thulium Laser Vaporesection of the Prostate) เป็นการรักษาโดยใช้เลเซอร์อีกวิธีที่ให้ผลการรักษาที่ดีเทียบเคียงกับ PVP แตกต่างตรงที่ใช้ Thulium Laser สามารถตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากที่อุดกั้นทางเดินปัสสาวะให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้

 

 

ป้องกันต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโต ป้องกันได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หากพบความผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที ป้องกันไม่ให้อาการของโรคมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

 

  • ดื่มน้ำเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
     
  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ โดยเฉพาะก่อนนอน
     
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชา กาแฟ และแอลกอฮอล์
     
  • ปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรกลั้นปัสสาวะและไม่ควรเบ่งเวลาปวด
     
  • ถ้าปัสสาวะไม่สุดควรปัสสาวะซ้ำอีกครั้งเพื่อไม่ให้มีปัสสาวะค้าง

 

 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : ศูนย์ศัลยกรรม (General Surgery Center)

โทร. 02 483 9999 เบอร์ต่อ 10120-1