ความสำคัญของการฝากครรภ์สู่ความเป็นแม่ด้วยความมั่นใจ

การตั้งครรภ์และการเป็นแม่เป็นประสบการณ์ที่มีความสำคัญและท้าทายในชีวิตของผู้หญิง การฝากครรภ์จึงเป็นกระบวนการที่ควรได้รับความสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่มอบการดูแลทางสุขภาพที่ครอบคลุมและเอาใจใส่ให้กับคุณแม่และลูกน้อยเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการดูแลลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย รวมทั้งยังสามารถเห็นพัฒนาการและการเติบโตของลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และสร้างความมั่นใจในการเป็นแม่ที่ดีอีกด้วย

 

การเตรียมตัวสำหรับการเป็นแม่

การฝากครรภ์ คือให้ความสำคัญกับการติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์และสุขภาพของคุณแม่ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงหลังคลอด โดยจะดูแลครบทุกบริบท ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และให้คำปรึกษาในด้านต่าง ๆ ตลอดการตั้งครรภ์ การได้เริ่มตรวจฝากครรภ์ในช่วงไตรมาสแรกช่วยให้แพทย์และคุณแม่ติดตามสุขภาพและการเจริญเติบโตของทารกอย่างใกล้ชิด รวมถึงการประเมิน ตรวจคัดกรองความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านพันธุกรรม โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจป้องกันและรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

 

การให้คำปรึกษาและการสนับสนุนทางอารมณ์

การฝากครรภ์ไม่เพียงให้คำแนะนำทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้คำปรึกษาทางอารมณ์และจิตใจ เพื่อช่วยให้คุณแม่สามารถจัดการกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ได้ การมีสุขภาพจิตที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยได้ดียิ่งขึ้นหลังคลอด

 

เริ่มฝากครรภ์ได้เมื่อไหร่

เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว ควรเข้ารับการตรวจยืนยันการตั้งครรภ์และฝากครรภ์ได้เลย โดยแนะนำว่าควรฝากครรภ์ครั้งแรกในช่วงไตรมาสแรก คือ ช่วงก่อนอายุครรภ์ 12-14 สัปดาห์ เนื่องจากว่าหากฝากครรภ์เร็ว ก็จะสามารถตรวจดูตำแหน่งของการตั้งครรภ์ที่เหมาะสม รวมไปถึงการคำนวณอายุครรภ์ที่แม่นยำอีกด้วย และการฝากครรภ์ยังสามารถตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ ได้ เช่น

  • ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม รวมถึงโรคทางพันธุกรรมบางชนิด
  • ตรวจความสมบูรณ์ และความผิดปกติ/ความพิการบางอย่าง
  • การทำนายเพศของทารก

 

เครื่องมือที่สำคัญในการดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์

อัลตราซาวด์ 2D และ 4D มีบทบาทสำคัญในการฝากครรภ์เพื่อตรวจสอบความผิดปกติของทารกในครรภ์ ซึ่งช่วยให้คุณแม่และคุณพ่อได้เห็นภาพที่ชัดเจนของลูกน้อย รวมถึงการตรวจพัฒนาการที่สำคัญ เช่น การเติบโต ความสมบูรณ์ของอวัยวะต่างๆ และตำแหน่งของทารก การตรวจนี้ไม่เพียงแต่ให้ความมั่นใจแก่พ่อแม่ว่าทารกมีสุขภาพดี แต่ยังช่วยในการวางแผนการคลอดที่เหมาะสมและปลอดภัย

 

 

การทำอัลตราซาวด์ 4 มิติ อันตรายหรือไม่? และ บอกอะไรได้บ้าง ?

ปัจจุบันมีคุณพ่อคุณแม่ไม่น้อยที่อยากเห็นหน้าและความสมบูรณ์ของเจ้าตัวน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ซึ่งทำได้ด้วยการตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิติ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถสร้างภาพเป็น 3 มิติ นำมาเรียงต่อกันกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวเสมือนจริง ได้ภาพละเอียดคมชัด สามารถเห็นความสมบูรณ์ และการเคลื่อนไหวของลูกน้อยแบบ Real time ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เช่น การขยับตัว ดูดนิ้ว ยิ้ม หรือกระพริบตา

 

ในปัจจุบันยังไม่พบการศึกษาวิจัยที่รายงานถึงอันตรายของการตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิติ ต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ เพราะฉะนั้นคุณแม่จึงไม่ต้องกังวลใจไป นอกจากนั้นการทำอัลตราซาวด์ 4 มิติ ยังช่วยให้แพทย์เห็นพัฒนาการ ความสมบูรณ์ หรือความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย โดยสามารถตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 18-32 สัปดาห์ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตรวจ คือ ช่วง 20 – 26 สัปดาห์

 

 

อัลตราซาวด์ 4 มิติ บอกอะไรได้บ้าง?

1. การเจริญเติบโต และพัฒนาการของทารกในครรภ์

2. อัตราการเจริญเติบโตของทารก ขนาดรอบศีรษะ ความยาว และน้ำหนัก

3. ตำแหน่งทารก สายสะดือ และปริมาณน้ำคร่ำ

4. โครงสร้างกะโหลกศีรษะและสมอง

5. หัวใจ และการไหลเวียนเลือด

6. กระดูกสันหลัง กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ และไต

7. ใบหน้า และอวัยวะต่าง ๆ บนใบหน้า

8. แขน ขา มือ เท้า และนิ้ว

9. เพศของทารก

 

ทั้งนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับการตรวจครรภ์ เพื่อตรวจประเมินความเสี่ยง และตรวจอัลตราซาวด์ดูความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์ อย่างน้อย 1-2 ครั้ง ในช่วงอายุครรภ์ 18-22 สัปดาห์ และ 28-32 สัปดาห์ รวมทั้งยังสามารถดูลูกน้อยขณะเคลื่อนไหวได้ตั้งแต่ในครรภ์ ด้วยการตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิติ (Ultrasound 4D) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้มากขึ้น โรงพยาบาลนวเวช มีความพร้อมในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ครบวงจร ดูแลโดยสูติแพทย์เฉพาะด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (MFM) ที่มีความชำนาญการในการดูแลการฝากครรภ์และการคลอดโดยเฉพาะ ทั้งครรภ์ปกติและครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง รวมไปถึงการตรวจคัดกรองความพิการแต่กำเนิดได้อย่างละเอียดด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ 4D ที่ทันสมัย การป้องกันและรักษาภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ให้การตั้งครรภ์เป็นไปด้วยความราบรื่นและปลอดภัย นอกจากนี้ การดูแลของเราครอบคลุมไปจนถึงการดูแลทารกแรกเกิด จากทีมกุมารแพทย์เฉพาะทาง ที่มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ครบครัน และสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 

สนับสนุนข้อมูลโดย: นายแพทย์ธิติพันธุ์ น่วมศิริ

สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (MFM)

 

คลิก > โปรแกรมฝากครรภ์เหมาจ่าย