อาการผิดปกติหลังให้ ยาเคมีบำบัด ที่ต้องรีบไปพบแพทย์

ยาเคมีบำบัดจะเข้าไปขัดขวางการเจริญเติบโตของเซลล์ทำให้เซลล์ตาย เมื่อให้ยาเคมีบำบัด เข้าสู่ร่างกายจะไปทำลายเซลล์มะเร็งและทำลายเซลล์ปกติบางส่วนทำให้มีผลกระทบต่อเซลล์ปกติต้วย โดบเฉพาะเซลล์ที่มีการเจริญและแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร,เม็ดเลือด,เส้นผมและระบบสืบพันธุ์(รังไข่,ลูกอัณฑะ)ดังนั้น จึงเป็นสาเหตุของอาการข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ระยะหนึ่งในระหว่างการให้ยา   ปัจจุบัน เรามีการรักษาที่ช่วยป้องกันอาการข้างเคียงจากยาเคมีบำบัดที่มีประสิทธิภาพดี และยาเคมีบำบัดใหม่ๆก็มีผลข้างเคียงลดลงกว่าเดิมมาก หากใช้อย่างถูกต้อง ยาเคมีบำบัดก็ยังมีประโยชน์มากในผู้ป่วยมะเร็งนะครับ   

 

 

อาการหลังให้ ยาเคมีบำบัด 

 

1. มีไข้มากกว่าหรือเท่ากับ 38 องศาเซลเซียส หนาวสั่น ในช่วง 7-14 วัน หลังให้ยาเคมีบำบัด 

 

2. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก มึนศีรษะ ซึ่งอาจเกิดจากเม็ดเลือดแดงมีจำนวนลดลง อาจเป็นผลข้างเคียงของยาเคมี 

 

3. จุดหรือจ้ำเลือดขึ้นตามตัว เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน มีจุดแดงเล็กๆที่ตาขาวหรือตามร่างกาย สาเหตุเกิดจากจำนวนเกล็ดเลือดต่ำหลังได้รับยาเคมีบำบัด 

 

4. อาเจียนอาจเกิดขึ้นหลังให้ยาเคมีบำบัด ส่วนใหญ่ไม่เกิน 3 วัน หลังให้ยาแต่ละครั้ง 

 

5. ท้องเสียถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำมากกว่า 4 ครั้งต่อวัน   

 

อาการข้างเคียงจะหายไปเมื่อหยุดให้ยาเคมีบำบัด โดยอาการข้างเคียงจะขึ้นกับชนิดของยาเคมีบำบัดที่ได้รับและปฎิกิริยาตอบสนองต่อยาของร่างกายผู้ได้รับยาเคมีบำบัดนั้น เมื่อหยุดยา เซลล์เหล่านี้ก็จะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติได้เร็ว การให้มีระยะพัก ระหว่างให้ยาแต่ละครั้งก็เพื่อให้เซลล์เหล่านี้ฟื้นตัวกลับสู่สภาพปกติ ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ควรสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงและการปฎิบัติตัวที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้รักษา   

 

 

สนับสนุนข้อมูลโดย : นายแพทย์วิกรม เจนเนติสิน 

แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยาและเคมีบำบัด