ภาวะครรภ์เสี่ยงสูง High - Risk Pregnancy
การตั้งครรภ์ที่มี “ภาวะครรภ์เสี่ยงสูง” คือ ภาวะใดๆ ก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์ อาจทำให้เกิดอันตรายหรือเสียชีวิตได้ ทั้งในระหว่างตั้งครรภ์ ขณะคลอด หรือ หลังคลอด จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
ปัจจัยเสี่ยง ของภาวะครรภ์เสี่ยงสูงมีอะไรบ้าง
1. ประวัติการตั้งครรภ์ ครั้งก่อนมีปัญหา เช่น - ครรภ์เป็นพิษ - คลอดก่อนกำหนด - คลอดทารกตัวเล็กหรือใหญ่ผิดปกติ - มีภาวะแท้งบ่อยๆ
2. ทารกพิการหรือเสียชีวิตในครรภ์
3. มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน
4. ครรภ์แฝด
5. หญิงตั้งครรภ์ อายุน้อยกว่า 18 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
6. หญิงตั้งครรภ์ สูงน้อยกว่า 140
7. หญิงตั้งครรภ์ น้ำหนักเกินปกติ
8. มีโรคประจำตัว เช่น SLE, ต่อมไทรอยด์, โลหิตจาง, โรคหัวใจ,โรคติดเชื้อ เป็นต้น
9. มีเนื้องอกที่มดลูกหรือรังไข่ เลือดออกทางช่องคลอด หรือเคยผ่าตัดทางสูตินรีเวช
10. หมู่เลือด Rh negative
11. ใช้สารเสพติด ติดสุรา สูบบุหรี่
อันตรายจากภาวะครรภ์เสี่ยงสูง ได้แก่
1. โลหิตจาง เพลีย เหนื่อยง่าย
2. ทารกโตช้าในครรภ์ เด็กตัวเล็กพัฒนาการไม่สมบูรณ์
3. พันธุกรรมหรือโครโมโซมทารกผิดปกติ และมีความพิการแต่กำเนิด
4. เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์
5. ความดันโลหิตสูง
6. ครรภ์เป็นพิษ
7. คลอดก่อนกำหนด หากคุณแม่ตั้งครรภ์เข้าข่ายภาวะครรภ์เสี่ยงสูง ควรเริ่มฝากครรภ์โดยเร็ว สามารถรับคำแนะนำ และปรึกษากับทีมสูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ได้ที่ รพ.นวเวช เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างครบถ้วน ปลอดภัยทั้งแม่และลูก

ดังนั้นการตรวจวินิจฉัยและการฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะครรภ์เสี่ยงสูง (High - Risk Pregnancy) ได้แก่
- การตรวจสุขภาพ และคัดกรองความเสี่ยงคุณแม่ตั้งครรภ์
- การตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะสตรีตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูง โดนการดื่มน้ำตาลกลูโคส (50-g Glucose Challenge Test) เพื่อเช็คระดับน้ำตาลในเลือดขณะตั้งครรภ์
- เจ็บครรภ์และคลอดก่อนกำหนด ส่วนมากแล้วจะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และมีโอกาสเกิดซ้ำในครรภ์ถัดไป แต่ปัจจุบันมีวิธีการทำนายการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดแต่รักษาได้ โดยปัจจัยเสี่ยงที่พบได้แก่ เคยมีประวัติคลอดก่อนกำหนด การติดเชื้อที่ปากมดลูก หรือในน้ำคร่ำ ครรภ์เป็นพิษ รกเกาะต่ำ หรือลอกตัวก่อนกำหนด ครรภ์แฝดเป็นต้น
สามารถวินิจฉัยด้วยการตรวจและรักษาได้ เช่น - การตรวจอัลตราซาวด์ ประเมินความยาวปากมดลูก - การตรวจสาร Fetal Fibronectin จากช่องคลอด (สาร Fetal Fibronectin เป็นสารที่พบอยู่ระหว่างถุงน้ำคร่ำ กับเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อเกิดการหดรัดตัวของมดลูกจะทำให้มีสารชนิดนี้ออกมาอยู่ในช่องคลอด) - การใส่ห่วงพยุงปากมดลูก (Arabin pessary) - การเย็บปากมดลูก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด
- การตรวจคัดกรองครรภ์เป็นพิษ โดยการประเมินจากการตรวจอัลตราซาวด์เส้นเลือดมดลูกขณะตั้งครรภ์ รวมถึงการเจาะเลือดเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อ ภาวะครรภ์เป็นพิษ โดยในกลุ่มเสี่ยงควรได้รับยา เพื่อป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษในช่วงเวลาที่เหมาะสม
- การตรวจหาความผิดปกติและประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
- การตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อตรวจประเมินและความผิดปกติของทารก เช่น ปากแว่ง/เพดานโหว่, ความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด, ภาวะหัวใจทารกเต้นผิดปกติ, ความผิดปกติของสมอง ความผิดปกติของกระดูกแขนขา และความพิการแต่กำเนิดอื่นๆ เป็นต้นด้วยอัลตราซาวด์ 2 มิติ และ4 มิติ
- วินิจฉัยโรคที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือโรคบางชนิดได้ เช่น โรคดาวน์ซินโดรม, โรคทารกติดเชื้อในครรภ์, โรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง ด้วยการเจาะน้ำคร่ำ, การตรวจชิ้นเนื้อรก และการเจาะเลือดจากสายสะดือทารก
- การรักษาภาวะแทรกซ้อนของทารกในครรภ์ (Fetal Therapy) คือการรักษาภาวะแทรกซ้อน และความผิดปกติของทารกในครรภ์มารดา ได้บางชนิด เช่น ภาวะหัวใจทารกเต้นผิดจังหวะ, ภาวะทารกโลหิตจาง, ทารกบวมน้ำ ภายใต้การดูแลรักษาจากสูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ MFM
สนับสนุนข้อมูลโดย : นายแพทย์ธิติพันธุ์ น่วมศิริ
สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (MFM)